"GPSC" ปันผล 0.95 บาทต่อหุ้น โชว์กำไรปี 58 กว่า 1,900 ลบ. ปี 59 โตต่อเนื่อง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมรุกธุรกิจไฟฟ้าเต็มสูบ

"GPSC" เผยผลประกอบการปี 58 โตต่อเนื่อง สร้างรายได้ 22,444 หมื่นล้านบาท ปิดกำไร 1,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20.6% จากประสิทธิภาพการบริหารจัดการและวิสัยทัศน์การลงทุนในทุกรูปแบบ พร้อมชูแผนปี 2559 เดินหน้าธุรกิจไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบตามแผนงาน ทั้งโรงไฟฟ้านวนคร ผลิตได้ในเชิงพาณิชย์ มิ.ย.นี้ พร้อมรับรู้รายได้จาก ไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ เต็มปี

ดร.เติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินของปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 22,444 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 20.6 ซึ่งเป็นผลจากที่บริษัทฯ สามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบได้เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ทั้งจากโรงไฟฟ้าใหม่ที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในไตรมาส 4 / 2558 รวมถึงระยะเวลาแผนซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่ใช้เวลาน้อยกว่าแผน อีกทั้งบริษัทยังได้รับเงินปันผลจากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าอื่นๆ และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ในปี 2558 เป็นปีที่บริษัทฯ มีประสิทธิภาพทั้งในแง่การบริหารจัดการ โดยเฉพาะโครงการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าศรีราชา สามารถใช้เวลาในการซ่อมบำรุงน้อยกว่าแผนที่วางไว้ ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น และค่าซ่อมบำรุงลดลง และบริษัทสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ ของบริษัท ไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ จำกัด(IRPC-CP) ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ระยะที่ 1 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 โดยเป็นการผลิตไฟฟ้า 45

เมกะวัตต์ และไอน้ำ 170 ตันต่อชั่วโมง และ ยังได้รับเงินปันผลจาก บริษัทราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด (RPCL) ที่ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อย 15 รวมทั้งยังได้รับส่วนแบ่งจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น จากบริษัทฯ ร่วม และการร่วมค้า เนื่องจากผลการดำเนินงานที่มีการปรับตัวดีขึ้น

ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/2558 มีทั้งสิ้น 335 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ

ไตรมาส 3/2558 ปรับตัวลดลง 231 ล้านบาท ที่มีกำไรสุทธิที่ 566 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากไตรมาส 3/2558 มีการรับรู้ เงินปันผลจาก RPCL จำนวน 288 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในส่วนของการดำเนินงานจริง โดยไม่รวมเงินปันผล จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2558

ดร. เติมชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ได้มีมติให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อย ปี 2558 หลังจากมีการจัดสรรเงินทุนสำรองตามกฎหมาย ในอัตราหุ้นละ 0.95 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,423,385,760 บาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ

ร้อยละ 75 ของกำไรสุทธิ โดยแบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี

2558 (ม.ค.- มิ.ย. 2558) ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงิน 524,405,280 บาท ซึ่งจ่ายเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2558 แล้ว ส่วนเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2558 (ก.ค.– ธ.ค. 2558) จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 898,980,480 บาท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 26 ก.พ. 2559 และกำหนดจ่ายในวันที่ 12 เม.ย. 2559 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 แล้ว ซึ่งเงินปันผลประจำปี 2558 ดังกล่าว ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับอุตสาหกรรม และผลตอบแทนมีความยั่งยืนจากความมั่นคงในธุรกิจ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และนักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนจากผลประกอบการที่ดีเพิ่มมากขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินการในปี 2559 บริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทฯ มีแผนการขายไฟฟ้าเข้าระบบของ บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) ที่คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในเดือนมิถุนายน ปีนี้ รวมทั้งบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโครงการ IRPC-CP ระยะที่ 1 เต็มปี หลังจากที่เริ่มขายไฟฟ้าเข้าระบบได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2558 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก จำนวน 579 เมกะวัตต์ โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตตามกำลังการผลิตเฉลี่ยร้อยละ 9.4 ไปจนถึงปี 2562

ส่วนโครงการในต่างประเทศ บริษัทฯ ยังคงดำเนินการต่อเนื่องทั้งในกลุ่มอาเซียนและนอกกลุ่มอาเซียน โดยมีพื้นที่เป้าหมายทั้งใน ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะขยายการลงทุน โดยยึดหลักเป้าหมายการลงทุนจะต้องเป็นโครงการที่มีประสิทธิภาพและต้องมีผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่ดีซึ่งฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่ง และมีขีดความสามารถในการลงทุน โดยบริษัทฯ มีเงินที่ได้จากการระดมทุนในการขาย IPO ราว 10,000 ล้านบาท และสามารถจัดหาจากสถาบันการเงินได้อีก 8,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินต่อทุนของบริษัทยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.10 เท่า

Back11 February 2016