GPSC โชว์ผลประกอบการ Q1 โต 160% กำไรพุ่ง 871 ลบ. ชูความสามารถในการบริหารต้นทุนการผลิต และการจัดการภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
GPSC เผยผลประกอบการไตรมาสแรกโตต่อเนื่อง กำไรพุ่ง 871 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 160% จากฝีมือการบริหารต้นทุนการผลิตของผู้บริหาร ทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ ไฟฟ้า และไอน้ำ จากลูกค้าในกลุ่ม ปตท. และ กฟผ. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.เติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2559 ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยมีรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้ารายใหม่ และ ความต้องการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มสูงในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ รวมทั้งบริษัทฯ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานของโรงไฟฟ้า (Plant optimization) เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 5,484 ล้านบาท ประกอบกับยังรับรู้รายได้ปันผลจากการที่บริษัทฯ เข้าลงทุนใน บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด (RPCL) ร้อยละ 15 คิดเป็นจำนวน 180 ล้านบาท จึงทำให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 871 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา เติบโตถึง 160%
“จากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมาย ประกอบกับโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผนงาน ส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมถึงกระแสเงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากอัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Total Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 0.48 เท่า ซึ่งน้อยกว่านโยบายที่ผู้บริหารกำหนดไว้ ทำให้บริษัทฯ ยังมีขีดความสามารถในการแสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการหาแหล่งเงินเพื่อมาลงทุนในอนาคตอย่างมั่นคง และยั่งยืน” ดร.เติมชัย กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างตามสัดส่วนการลงทุนอีก 584 เมกะวัตต์ โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในเดือนมิถุนายน ปี 2559 ถึงปี 2562 ดังนี้
- คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) เดือนมิถุนายน 2559 นี้
- บริษัท ผลิตไฟฟ้านวนคร จำกัด (NNEG) ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น ประเภทผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) กำลังการผลิตไฟฟ้า 125 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 30 ตันต่อชั่วโมง ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 30% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โซล่าร์สหกรณ์ ผ่านบริษัทฯ ในเครือ ที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% เป็นผู้ดำเนินโครงการ มีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ซึ่งกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นไปตามกำหนดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คาดว่าภายใน 30 ธันวาคม 2559 นี้
- คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2560
- บริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด (IRPC-CP) ระยะที่ 2 ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น ประเภทผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) กำลังการผลิตรวมกับระยะที่ 1 ทั้งสิ้น 240 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 170 - 300 ตันต่อชั่วโมง ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 51% บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ระยะที่ 2 ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น ประเภทผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) กำลังการผลิตไฟฟ้า 117 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 20 ตันต่อชั่วโมง ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 25% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ichinoseki Solar Power 1 GK (ISP1) ประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิต 20.8 เมกะวัตต์ โดยมี FIT 40 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะเวลา 20 ปี บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 99%
- คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2561
- โรงผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมกลุ่มปิโตรเคมี ตั้งอยู่บริเวณนิคมเอเชีย จังหวัดระยอง กำลังการผลิตไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 100% บริษัท ไฟฟ้าน้ำลิก 1 จำกัด ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำชนิดฝายน้ำล้น (Run-of-River Hydropower) ที่ สปป.ลาว กำลังการผลิตไฟฟ้า 65 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 40%
- คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2562
- บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำชนิดฝายน้ำล้น (Run-of-River Hydropower) ที่ สปป.ลาว กำลังการผลิตไฟฟ้า 1,285 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 25%