GPSC ลงนาม MOU จับมือพันธมิตร 3 ฝ่าย “GPSC - MTEC - 24M” เดินหน้างานวิจัย ต่อยอดแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประสิทธิภาพสูงในไทย สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ตอบโจทย์กระแสการพัฒนาโรงไฟฟ้าทางเลือก
ดร.เติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 พ.ย.59) ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน หรือ MOU ระหว่าง บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) และ บริษัท 24M Technologies, Inc. (24M) ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายจะร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อจะสามารถพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปการของบริษัทฯ
“ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นจากศักยภาพของพันธมิตรที่มีจุดแข็งในการร่วมกันวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดเทคโนโลยี แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในระยะยาว ให้เหมาะสมกับการรองรับการเติบโตของตลาดระบบกักเก็บพลังงานที่จะช่วยส่งเสริมเสถียรภาพในระบบสายส่งและการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน” ดร.เติมชัย กล่าว
ทั้งนี้ GPSC เป็นบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. และสามารถขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจได้อีกมากในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ถือเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนาวัสดุศาสตร์ของประเทศ และบริษัท 24M Technologies, Inc. (24M) เป็นเจ้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประสิทธิภาพสูงในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นนับว่าเป็นจุดแข็งของทั้ง 3 ฝ่าย ที่จะร่วมกันพัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่สอดคล้องกับทั้งตลาดเอเชีย และตลาดโลก
ความร่วมมือครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่มีอนาคตของ GPSC เนื่องจากทิศทางของการใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการมุ่งไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ซึ่งจะเห็นว่า แบตเตอรี่คุณภาพสูงจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ มากขึ้น เพราะจะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะทำให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานในระบบที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาร่วมกัน ยังเป็นการเสริมสร้างฐานองค์ความรู้ด้านแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในประเทศไทย รวมทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศภายใต้เป้าหมายการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว