GPSC ปี 2560 โชว์กำไรโต 18% พร้อมจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นครึ่งปีหลังอีก 0.80 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีจ่าย 1.25 บาทต่อหุ้น

GPSC เผยผลประกอบการปี 2560 มีกำไรสุทธิ 3,175 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18% คิดเป็นจำนวน 475 ล้านบาท จากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งจากโรงผลิตไฟฟ้าสาธารณูปการ ระยอง และโรงไฟฟ้า IRPC Clean Power ระยะที่ 2 พร้อมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่คณะกรรมการบริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท จากผลประกอบการครึ่งปีแรกหุ้นละ 0.45 บาท ที่จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2560 และสำหรับครึ่งปีหลังอีก 0.80 บาทต่อหุ้น

ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 19,917 ล้านบาท คิดเป็นส่วนของกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,175 ล้านบาท หรือเพิ่มคิดเป็น 18% เมื่อเทียบกับปีเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ ระยะที่ 2 (IRPC-CP Phase 2) ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 ขนาดกำลังผลิตทั้ง 2 ระยะรวม 240 เมกกะวัตต์ และโรงผลิตไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 339 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไอน้ำได้รวม 1,340 ตันต่อชั่วโมง และผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายสาธารณูปโภคให้กับกลุ่ม ปตท. โดยปีที่ผ่านมาไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง ทำให้ปริมาณการรับซื้อจากกลุ่มลูกค้าสูงขึ้นกว่าปีก่อน

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจเนอเรชั่น 2 (BIC 2) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 25% มีขนาดกำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน ปี 2560 และโรงไฟฟ้า นวนคร (NNEG) ซึ่ง GPSC เข้าถือหุ้น 30% มีกำลังการผลิต 125 เมกะวัตต์ โดยถือเป็นปีแรก ที่บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้เต็มปี

“จากผลกำไรที่สูงขึ้นในปี 2560 เป็นผลมาจากความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า และโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานให้สามารถเดินเครื่องผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ เป็นไปตามเป้าหมายของ

แผนธุรกิจที่วางไว้ ประกอบกับบริษัทฯ มีมาตรฐานสูงในเรื่องความปลอดภัย โดยปราศจากอุบัติเหตระหว่างการปฏิบัติงาน พร้อมกับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเดินเครื่องได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดเดินเครื่องแบบฉุกเฉิน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้า” ดร.เติมชัย กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 722 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณการจำหน่ายสาธารณูปโภคของโรงผลิตสาธารณูปการระยอง เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการ IRPC-CP ทั้ง 2 ระยะ ที่สามารถเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ได้ทั้งสองหน่วยผลิต ทำให้ บริษัทฯ รับรู้รายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 256 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลประจำปี 2560 จากผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,873 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59% ของกำไรสุทธิ แบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.2560) ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.45บาท จึงยังคงเหลือส่วนเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2560 (ก.ค.-ธ.ค.2560) ที่จะต้องจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 และสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.80 บาทต่อหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2561 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 แล้ว

สำหรับทิศทาง ปี 2561 บริษัทฯ ยังคงกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมีการเติบโตในพื้นที่มาบตาพุด ทั้งในด้านปริมาณกำลังการผลิต และจำนวนลูกค้า ที่จะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้า และไอน้ำ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งกลุ่ม ปตท. มีแผนการขยายการลงทุน และ GPSC ในฐานะเป็นแกนนำด้านพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภค มีความพร้อมที่จะลงทุนในด้านการผลิต และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) การพัฒนาโครงการ Smart Grid ร่วมกับพันธมิตร เพื่อมารองรับโครงการต่างๆ ของปตท. และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นในพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Back12 February 2018