GPSC เผยกำไร 9 เดือน โต 17% ลุยแผน COD 3 โครงการปี 2562

GPSC มั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 กำไรสุทธิ 899 ล้านบาท ดันกำไร 9 เดือนแรก อยู่ที่ 2,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการขายไฟฟ้าเพิ่มของ 2 โรงไฟฟ้า ทั้ง IRPC-CP ระยะที่ 2 และ ISP1 ประเทศญี่ปุ่น ที่เริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ตามแผนในไตรมาสที่ 4 ปี 2560 พร้อมเดินหน้าแสวงหาโอกาสทางธุรกิจปี 62 เตรียม COD 3 โครงการใหม่ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และศูนย์ผลิตสาธารณูปการ แห่งที่ 4 จังหวัดระยอง

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ และกลุ่มบริษัท GPSC มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,661 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 899 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นทำให้รายได้ 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.61) อยู่ที่ 18,940 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 2,873 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 17%

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีน เพาเวอร์ จำกัด เฟส 2 (IRPC-CP Phase 2) และโรงไฟฟ้า อิจิโนเซกิ โซล่า พาวเวอร์ 1 จีเค (ISP1) ในประเทศญี่ปุ่น ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ประกอบกับปัจจัยทางด้านราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ และอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามรายได้ในไตรมาส 3 ปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 6,661 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 เพิ่มขึ้น 1% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 899 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2561 จำนวน 153 ล้านบาท คิดเป็น 15% เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ยังคงเท่าเดิม จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของศูนย์ผลิตสาธารณูปการ จังหวัดระยอง และโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ (IRPC-CP) ลดลง ประกอบกับรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment : AP) ของโรงไฟฟ้าศรีราชา ปรับตัวลดลง จากอัตราค่าความผันแปรตามฤดูกาล (Weight Factor) ที่ลดลงในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 บริษัทฯ ได้รับรายได้เงินปันผลจาก บริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด (RPCL) เป็นจำนวน 135 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่สามารถพัฒนาได้ตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 (NL1PC) ประเทศสปป.ลาว กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 40% มีเป้าหมายจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2562 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ประเทศ สปป.ลาว ซึ่ง GPSC ถือหุ้นอยู่ 25% คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2562 และศูนย์ผลิตสาธารณูปการ แห่งที่ 4 จังหวัดระยอง (CUP 4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2562 รวมถึงการเป็นหน่วยสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคให้กับกลุ่มปตท. และกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ตามแนวทางการส่งเสริมของรัฐบาล

 

Back05 November 2018